“ช่างชุ่ย” แหล่งท่องเที่ยวสไตล์ฮิป ๆ ในเมืองกรุง เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าสุดสร้างสรรค์ มาพร้อมคอนเซปต์ “NOTHING IS USELESS” ที่เน้นแนวคิดสร้างสรรค์นำสิ่งของวัสดุเหลือใช้ มาเรียงร้อยตกแต่งใหม่จนกลายเป็นงานศิลปะสุดอลังการ อีกทั้งที่นี่ยังถือเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์สุดชิวฝั่งธนบุรี ที่ใคร ๆ ต่างก็มาต้องแวะมาเช็คอินกันกับ ร้านอาหารในช่างชุ่ย และด้วยความพิเศษภายใน ช่างชุ่ย แห่งนี้ยังมีมุมถ่ายรูปสุดเก๋ และร้านอาหารอร่อย ๆ อีกเพียบที่พร้อมเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน
ชวนชิม 4 ร้านอาหารรสเด็ดในช่างชุ่ย
1.เตี๋ยวเรือบิน
เปิดประเดิมกันด้วยร้านเตี๋ยวเรือบินสุดฮิป ที่มาในโทนสีแดงเลือดหมู สื่อถึงเอกลักษณ์ความเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือได้อย่างเด่นชัด ส่วนเรื่องก๋วยเตี๋ยวเรือของที่นี่ก็มีรสชาติเข้มข้นถึงใจ พร้อมเพลิดเพลินไปกับหมูทอดเจียงฮาย เกี๊ยวทอดสามเกลอสุดกรอบ ทานคู่กับน้ำสมุนไพรกระเจี๊ยบบ๊วยเย็น ๆ ให้ชื่นใจ ที่สำคัญราคาต่อถ้วยเริ่มต้นเพียง 25 บาทเท่านั้น เรียกว่าคุ้มค่าสมราคาจริง ๆ
2. Na-Oh Bangkok
ร้านอาหารในช่างชุ่ย ที่มีไอเดียสุดล้ำอย่างการนำซากเครื่องบินเก่า ๆ มาประยุกต์เป็นร้านอาหารได้อย่างเริ่ดหรู โดยบรรยากาศภายในเครื่องบินนั้นก็ค่อนข้างกว้างขวาง ให้ฟีลเหมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินมาก ๆ ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ก็มีทั้งเมนูคาวหวาน ที่จัดเสิร์ฟออกมาได้ดูดีน่ารับประทาน หากใครชอบร้านนั่วชิวบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ต้องลองแวะมาสัมผัสบรรยากาศกันที่ Na-Oh Bangkok ดูค่ะ
3.เสือตังเก
อีกหนึ่งร้านอาหารรสเด็ดในช่างชุ่ย ต้องยกให้ร้านเสือตังเก เป็นร้านอาหารจานเดียวที่มีการเลือกวัตถุดิบสดใหม่มาใช้ในการประกอบอาหาร โดยเมนูเด็ด ๆ ที่มาแล้วต้องลอง ได้แก่ ข้าวไข่ข้นปลากะพงทอด , เบคอนผัดพริกเกลือ , ข้าวปลากะพงทอดราดน้ำปลา หัวกุ้งแก้วย่าง และไข่ข้นเบคอน ซึ่งแต่ละเมนูมีราคาเริ่มต้นเพียง 20 บาทเท่านั้น สำหรับใครที่อยากทานอาหารจานเดียวแล้วอิ่มท้อง ร้านเสือตังเก ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีเช่นกัน
4.บ้านบ๊วย
ส่งท้ายกันด้วยร้านอาหารสไตล์ครอบครัว ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้อย่าง “บ้านบ๊วย” ร้านอาหารไทยต้นตำรับ ที่มาพร้อมบรรยากาศสบาย ๆ เป็นกันเอง ซึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ได้แก่ ไข่ตุ๋น แกงส้ม น้ำพริก และเมนูกุ้งใหญ่ลุยสวน ขอบอกเลยว่าที่นี่เขาคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ทุกวัน ส่วนเรื่องรสชาติอาหารก็ทำออกมาได้อร่อยสมคำล่ำลือจริง ๆ ค่ะ
วิธีการเดินทางมายัง ChangChu
สำหรับวิธีการเดินทางมายังช่างชุ่ยนั้นมีหลากหลายทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่อรถเมล์สายมาลงที่ ช่างชุ่ย ก็ได้เช่นกัน หรือใครอยากนั่งรถไฟไทยก็สามารถมาลงที่สถานีรถไฟบำหรุได้เลย ส่วนคนที่ต้องการเอารถยนต์ส่วนตัวมา ขอบอกเลยว่าใน ช่างชุ่ยที่จอดรถ นั้นหายากมาก ทางที่ดีเดินทางด้วยรถสาธารณะจะสะดวกกว่าค่ะ โดยภายใน ช่างชุ่ย ค่าเข้าฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00 – 23.00 น.
. เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “ช่างชุ่ย” แลนด์มาร์คสุดชิคที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวที่นี่กัน อย่าลืมพกกล้องและแต่งตัวเก๋ ๆ มาถ่ายรูปกันด้วยนะคะ รับรองว่าคุณจะได้รูปสวย ๆ กลับไปลงโซเชียวกันแน่นอน
อ้างอิง